โช๊ค h-drive eco spec – เป็นสตรัทระบบ TwinTube แถมค่า K สปริงไม่เยอะ ฟิลลิ่งที่ได้จึงนุ่มหนึบ ตามสไตล์ทวินทูป และยังสามารถปรับ สูงต่ำได้แบบสไลดกระบอก สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่สนใจ อยากโหลดเตี้ย แต่ยังได้ความ นุ่มนวลอยู่ สตรัทตัวนี้ บอกได้เลยว่าตอบโจทย์ แน่นอน ส่งผลให้เกิดความนุ่มนวลขณะขับขี่ ความปลอดภัย ของคนขับขี่ รถยนต์ทรงตัวดี ลดการโยกของ ตัวรถยนต์ความประหยัด และมัธยัสถ์ ลดการกร่อน ของยาง
ประเภท โช๊ค h-drive eco spec
1. จำพวกกระบอกเดี่ยว (Mono Tube)ลักษณะของกระบอก จะเป็นชิ้นเดียวตามชื่อ แต่แบบเดี่ยวนี้จำเป็น มากที่จะต้องใช้วัสดุ ที่มีความแข็งแรง-แข็งแรงสูง สามารถรับแรง กระแทกได้ อย่างดีเยี่ยม ถ้าหากตัวกระบอก ไม่แข็งแรงพอ แน่ ๆ ว่าจะมีปัญหาสำหรับ ในการรับแรง จากรถทั้งยังคันรวม ถึงแรงจากพื้นตอนที่ขับขี่ อาจจะส่งผล ให้กระบอกเบี้ยว ผิดแบบ h-drive eco spec แต่เพียงแค่แข็งแรง สิ่งเดียวก็คงจะ ไม่เพียงพอ อุปกรณ์ที่ใช้ผลิต ยังจะต้องมีน้ำหนักค่อยอีกด้วย ก็เลยเป็นที่ชื่น ชอบในกลุ่มนักซิ่ง นักแต่งรถยนต์ จึงทำให้มีราคาแพง กว่าแบบอื่น
2. ประเภทกระบอกคู่ (Twin Tube)เป็นแบบที่ใช้งาน กันอยู่ทั่วไป ที่เรียกว่ากระบอกคู่ เพราะว่าด้านใน เป็นกระบอกสองชั้น (มีการทำงานของกระบอกที่ซับซ้อนกว่าแบบ Mono Tube พอสมควร) กระบอกภายใน ปฏิบัติภารกิจเป็น “กระบอกสูบ” ซึ่งมีน้ำมัน ที่วางแบบมาเป็น พิเศษบรรจุไว้ด้านใน ส่วนช่องว่างภายนอก จะเป็น “ช่องสำรองน้ำมัน” แบ่งเป็นอีก 2 แบบหมายถึงแบบ น้ำมันอย่าง เดียวเรียก “ประเภทกระบอกคู่-แบบน้ำมัน” จะมีน้ำมันบรรจุ ประมาณ 2 ใน 3 ที่เหลือจะ เป็นอากาศ การที่ บรรจุน้ำมันใน ปริมาณที่มากช่วย ในเรื่องการเคลื่อน ที่นุ่มนวล อีกประเภทยอดนิยม ในขณะนี้เป็น ประเภทกระบอกคู่-แบบแก๊ส” ก็จะใส่ “ก๊าซ” ไว้ภายในช่อง น้ำมันสำรอง นี้ด้วย โดย”แก๊ส”นี้จะช่วยสำหรับ การตอบสนองที่ เร็วทั้งยังการคืนตัวเร็ว-ยุบช้า แต่จะมีความแข็งแรงมากกว่า แบบน้ำมัน (ก๊าซพากเพียรดันสู้ตลอดระยะเวลา) ก็ได้ประเด็นการเกาะ ถนนหนทางที่ดี ลดอาการโคลงตัว แต่ว่าความนิ่มนวล ก็จะลดน้อยลงกว่าแบบน้ำมัน สรุปจุดเด่นของ ชนิดกระบอกคู่ คือ เงินลงทุนการ สร้างถูกกว่า ตัวสิ่งของ ไม่จำเป็นที่ต้อง แข็งแรงราวกับ ชนิดกระบอกผู้เดียว เพราะเหตุว่ากระบอกสูบจริง ๆ นั้นอยู่ข้างใน ข้างนอก เป็นช่องน้ำมัน สำรอง จึงไม่ค่อยพบเจอกับ ปัญหาในเรื่อง ความแข็งแรง ทำให้ราคา ไม่สูงมากมาย ก็เลยเป็นที่นิยมรวมทั้ง ใช้กันอยู่ทั่ว ๆ ไปแถมสำหรับผู้ที่ พึงพอใจ โช๊คอัพ รถยนต์ แบบแต่ง จะแบ่งเป็น 3 แบบ
1.จำพวกปรับความสูงมิไ ด้ลักษณะเสมือนของเดิม ๆ ที่ติดมาพร้อมกับรถ เพียงมีการพัฒนาให้มี ความสามารถที่สูงขึ้น หนึบแน่นยึด เกาะพื้นถนนก้าว หน้าขึ้น ซึ่งสังเกตว่าจะไม่ อาจจะปรับความสูงได้ เบ้าสปริงจะมี ขนาดใหญ่เท่าของเดิม ที่ผลิตมาจากโรงงาน เหมาะกับคนที่พอใจความหนึบโดยยิ่งไปกว่านั้น แล้วก็พอใจ กับระดับความสูง จากพื้นของตัวรถยนต์ ไม่อยากให้โหลด หรือยกสูงมากไป
2.จำพวกสตรัทปรับเกลียว ได้รับความนิยมพอควร บริเวณเบ้าสปริง สามารถปรับให้สูง-ต่ำได้จากที่ ผู้ครอบครองรถยนต์ ถูกใจ มีสปริงทรง กระบอก เรียกว่า สปริงหลอด ที่ปรับความแข็ง หรือเรียกว่า “ค่า K.” ได้ ส่วนขนาดก็มี หลากหลายให้เลือก ซึ่งจะเห็นได้ว่า พัฒนามาจาก แบบแรกนั่นเอง เป็นที่นิยมเยอะที่สุดในแวดวงมอเตอร์สปอร์ตบ้านพวกเรา
3. ประเภทสตรัทปรับเกลียว-แบบสไลด์กระบอก แบบสไลด์กระบอก สามารถปรับ ความสูงที่ตัวกระบอก ได้เลย ไม่ต้องไปยุ่งยากปรับที่เบ้าสปริงแล้ว ช่วยแก้ไขปัญหาหัวข้อการปรับความ สูง แม้กระนั้นการปรับให้สามารถณะการทำงานโดยรวมออกมาดีนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายพอเหมาะพอควร นักซิ่งที่ใช้รถ hdrive eco spec สำหรับเพื่อการแข่งต้องการ ความสามารถสูง ๆ ทำให้อายุการใช้งาน ของรถสั้นลง การปรับความสูง ของสปริงก็จะยากขึ้นตามภาวะของรถยนต์สรุปของแต่ง เป็นประโยชน์อย่างไรดูแล้ว ถ้าเกิดพวกเราๆท่านๆขับในเมืองทั่วไป คงไม่จำเป็นที่ต้อง ไปเปลี่ยนแปลงของเดิม ๆ จะแปลงอีกครั้งก็เปลี่ยนตามภาวะ ของอะไหล่ที่ หมดอายุใช้งานแล้ว ดูเหมือนจะ เป็นตัวเลือก ที่ดีกว่า ส่วนนักแข่งขัน สายซิ่ง ที่จำต้องเพิ่มสมรรถนะ ให้รถก็เห็นจะหลบลี้ไม่ได้ แต่ข้อระวังคง จะเกิดเรื่อง “การโหลดรถโดย “ตัดสปริง” ที่จำต้องใช้ช่างมีฝีมือ สำหรับในการทำ และตรวจเช็คอย่าง ระมัดระวังก่อนใช้จริง เนื่องจากว่ามีโอกาสที่ กระบอกสูบจะหัก ได้ขณะที่ใช้งาน
ทำอย่างไรให้โช้คอัพรถอยู่กับเราไปนานๆ
โช้คอัพนับ เป็นหนึ่งอุปกรณ์สำคัญ ที่ช่วยควบคุมรถ ให้ทรงตัว ช่วยรองรับแรงกระแทก และลดแรงสั่นสะเทือน ของรถให้สอดคล้อง ไปกับสภาวะของผิวถนนขณะที่รถวิ่ง หากว่าโช้คอัพ เสื่อมสภาพก็อาจ ทำให้รถยนต์ต้อง แบกรับกับแรงกระแทก มากยิ่งขึ้น นั่นเอง ซึ่งวิธีการขับรถ ก็มีส่วนในการ ดูแลโช้คอัพให้ใช้ ไปได้นาน ๆ จะมีวิธีใด บ้างมาดูกัน
- เจอลูกระนาด ต้องชะลอความเร็ว ไม่ควรเหยียบคันเร่งขับผ่านอย่างรวดเร็ว เพราะนอกจากจะกระทบกระเทือนต่อคนขับแล้ว ยังส่งผลทำให้ช่วงล่างของรถเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ดังนั้น หากเจอลูกระนาดควรชะลอความเร็ว ค่อยๆ ขับผ่านอย่างนุ่มนวลที่สุด
- บรรทุกของต้องรู้จักโหลดของโช้ค อย่าบรรทุกหนักจนเกินไปเพราะการบรรทุกสัมภาระของหนักโดยไม่จำเป็นทำให้โช้คอัพมีประสิทธิภาพที่ลดลงอีกด้วย
- เช็คช่วงล่างตามระยะกำหนด ถ้าเกิดขับทางขรุขระแล้วได้ยินเสียงดัง ต้องรีบนำไปให้ช่างแก้ไขโดยด่วน เราสามารถตรวจเช็กคราบน้ำมันได้ที่บริเวณกระบอกโช้ค ว่ารั่วหรือไม่ เพราะระบบช่วงล่างของรถทั้งหมดมีผลในการทรงตัวของรถขณะขับขี่
- เช็คคราบน้ำมันรอยน้ำมันที่เกิดขึ้นบริเวณแกนโช๊คอัพ ก็กำลังเตือนคุณว่า เรากำลังจะพังแล้วนะ ฉะนั้นถ้าเจอร่องรอยคราบน้ำมันเมื่อไหร่ รีบให้ช่างตรวจสอบทันที
- เช็คยางรถยนต์ หากยางไม่เรียบ หรือสึกเป็นบั้งๆ ไม่เท่ากัน เตรียมเปลี่ยนยางใหม่ได้แล้วเพราะอาจหมายถึงยางเริ่มเสื่อมสภาพมีผลต่อโช้คอัพแน่นอน ไม่ปลอดภัยแน่ๆเวลาที่อยู่บนท้องถนน
กลับสู่หน้าหลัก – savecyber