//โช๊คhdrive s spec ราคา
โช๊คhdrive s spec ราคา
03มิ.ย.

โช๊คhdrive s spec ราคา

โช๊คhdrive s spec ราคา – เป็นโช๊คผลิต จากประเทศไต้หวัน ส่วนใหญ่ตัวโช๊ค จะเป็นระบบ Monotube ซึ่งจะตอบโจทย์ ทั้งความนุ่มและหนึบ มีผลิตรถเก๋งส่วนใหญ่ ทั้งรถญี่ปุ่น และรถยุโรป พร้อมรับประกัน 2 ปี ไม่มีจำกัดระยะทาง

 

ตัวโช๊คจะเป็นโช๊คสตรัทและสไลด์กระบอกได้ ปรับระดับความนุ่มแข็งได้ 30 ระดับ แบ่งออกเป็น 2 รุ่นหลักๆ ดังนี้

 

H-Drive S.Spec : จะผลิตให้กับรถญี่ปุ่น ขนาด เล็กราคา เริ่มต้นอยู่ที่ 28,900 บาท

H-Drive S.Spec : จะผลิตให้กับรถญี่ปุ่น ขนาด กลาง-ใหญ่ ราคา เริ่มต้นอยู่ที่ 32,000 บาท

H-Drive Euro Spec : จะผลิตให้กับรถยุโรป ราคา เริ่มต้นที่ 38,000 บาท

 

คุณสมบัติ โช๊คhdrive s spec ราคา

H.DRIVE รุ่น S Sper

  • โช๊คอัพในระบบ MONOTUBE
  • ออกแบบลูกสูบที่มีขนาด 44 มม.
  • ปรับสูงต่ำแบบสไลด์กระบอก
  • ปรับค่าความหนืดได้ 32 ระดับ
  • สปริงที่ถูก ออกแบบมา พร้อมค่า K เพื่อตอบสนองใน การใช้งานจริง บนท้องถนน
  • วัสดุผลิตจาก อลูมิเนียม เพื่อลดน้ำหนัก และเพิ่มความทนทาน และความแข็งแรง
  • ออกแบบมาเพื่อ ความนุ่มนวล เน้นใช้งาน บนนท้องถนน
  • สินค้ารับประกับ 2 ปี

    ราคา 27,900 บาท

     

วิธีดูแลรักษา โช้คอัพ hdrive s spec ราคา รถยนต์ ให้ใช้งานได้นานๆ

         เมื่อนำมาจัด จำหน่าย ในบ้านเรา จึงผลิตคิดค้น มาเพื่อให้ใช้ได้กับ ถนนบ้านเราได้ เป็นอย่างดี ในสิ่งที่ได้กลับ มาคือ Feeling ในแบบรถสปอร์ต แต่ยังคงความนุ่มนวล เอาไว้ในแบบ ของรถบ้าน ที่สามารถใช้งานได้ ตามปกติทั่วไป เรียกได้ว่า สามารถขับพาสาว ๆ ไปเที่ยวได้อย่าง สบายใจโดย ไม่โดนบ่นตลอดทาง

โช้คอัพ มีหน้าที่ในการรับแรง กระแทกสั่นสะเทือน ถือเป็นชิ้นส่วน ที่สำคัญของระบบ ช่วงล่างรถยนต์ ที่มีผลต่อความปลอดภัย ในการขับขี่ การดูแลรักษาให้อยู่ในสภาพที่ พร้อมใช้งานจึงเป็น สิ่งที่จำเป็นอย่างมาก

 

ชะลอรถ เมื่อเจอทางขรุขระ

พื้นผิวถนน มีทั้งเรียบ และขรุขระ ระหว่างการ เดินทาง หากเจอ หลุม หรือทางขรุขระ ให้ขับผ่าน ไปอย่างช้า ๆ ไม่ควรเหยียบ คันเร่งขับผ่าน อย่างรวดเร็ว เพราะนอกจาก จะทำให้โช้คอัพ เสื่อมสภาพ ไวแล้ว ยังส่งผล ให้ลูกหมาก เสื่อมสภาพไว ขึ้นอีกด้วย

บรรทุกของให้เหมาะสมกับประเภทรถ

รถแต่ละประเภท มีช่วงล่างที่ แตกต่างกัน เช่น รถกระบะ ใช้โช้คอัพ ร่วมกับแหนบ ทำให้สามารถ บรรทุกหนักได้ แต่รถเก๋ง ไม่ได้มีแหนบ เหมือนกับรถกระบะ การบรรทุก สัมภาระต่าง ๆ จึงมีข้อจำกัด ดังนั้นเราต้อง รู้ลิมิตของ รถเราก่อน ว่าไหวได้ แค่ไหน และไม่ควร บรรทุกของหนัก โดยไม่จำเป็นเพราะนอกจากจะ เปลืองน้ำมันแล้ว ยังทำให้โช้คอัพ มีอายุการใช้งาน ที่สั้นลง

อย่าปล่อยให้ยางกันฝุ่นขาด

หมั่นสังเกต ยางกันฝุ่นบ่อย ๆ เพราะถ้ายางตรง จุดนี้ขาด พวกเศษดิน ขี้โคลน จะเข้าไปเกาะ ตามแกนโช้ค และจังหวะที่ รถยุบตัว เศษขี้โคลน ที่แข็งตัวจะไปบาด ซีลโช้ค ทำให้โช้ ครั่วได้ และเวลาล้างรถ อย่าลืมเอา น้ำฉีดสิ่งสกปรก ตรงโช๊คด้วย

7 ขั้นตอนง่ายๆ รู้ได้ถ้าโช๊คอัพรถคุณมีปัญหา!!

1. ความมั่นใจขณะขับขี่ลดลง

เมื่อช่วงล่าง มีความผิดปกติ แน่นอนว่า เมื่อขับขี่อาการ ของโช๊คอัพที่ มีปัญหาจะสามารถรู้ ได้ถึงความ ไม่มั่นคง เกิดอาการโคลง เหวี่ยงและสั่นเข้าห้องโดยสารมากเกินไปแม้จะขับในความเร็วปกติ ให้สังเกตหน้ารถเวลาขับจะมีอาการหน้าเชิด หรือตอนเบรคหน้ารถจะทิ่มมาก

2.  สังเกตเมื่อใช้ความเร็วสูง

รถมีอาการร่อนไม่เกาะถนน เมื่อใช้ความเร็วสูงๆ เจอลมปะทะแรงๆ ผู้ขับจะสังเกตุได้ว่าพวงมาลัยเบาลงจนผิดสังเกตุ ต้องคอยจับพวงมาลัยให้มั่น ไม่เช่นนั้นอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายๆ

3.  ขึ้นเนินเจอหลุมก็ระทวยไปหมด

เวลาที่ขับรถขึ้นเนิน ลูกระนาดสูงๆ จะรู้สึกว่ารถจะเด้ง ขึ้น-ลง หลายครั้ง หรือตอนหลุมเจอบ่อรถก็มีอาการโยนตัวผิดปกติ สันนิษฐานว่าตัวกระบอกโช๊คอัพเริ่มมีช่วงยุบที่มากเกินไปอาจเป็นเพราะน้ำมัน รั่ว หรือยางของตัวโช๊คเริ่มเสื่อมสภาพ

4.  ดูด้วยตาง่ายๆ

หลังจากดูอากการของรถขณะขับขี่แล้วก็มาสังเกตตอนที่รถจอดนิ่งกัน ลองก้มดูที่กระบอกโช๊คอัพทั้งสี่ต้น ว่าโช๊คอัพผิดรูปทรงผิดปกติหรือไม่ ซึ่งถ้ารถบางคันมีการบรรทุกหนักมาก หรือขับตกหลุม ลงเนินแรงๆ ในบางจังหวะการขับขี่ก็มีโอกาสที่จะทำให้โช๊คอัพนั้นผิดรูปได้

5. คราบน้ำมันที่กระบอกโช๊ค

ต่อมาคือให้สังเกตุที่กระบอกโช๊คอัพว่า มีรอยเยิ้มหรือคราบน้ำมันมันติดอยู่หรือไม่ ถ้ามีแสดงว่า โช๊คอัพเริ่มรั่ว ภายในกระบอก โช๊คขาดน้ำมัน หล่อลื่นส่งผลให้การทำงาน ผิดปกติ สาเหตุที่รั่ว ก็มาจากยางซีลตัว กระบอกโช๊คที่ เริ่มเสื่อมสภาพหรือ ฉีกขาดจาก การใช้งาน

6.  ลองกดที่ตัวรถดู

บริเวณจุด ของโช๊คอัพทั้ง 4 ล้อ ลองใช้น้ำหนักตัว กดลงแล้ว สังเกตว่าตัวรถ มีการเด้ง ขึ้น-ลง หลายครั้ง หรือโช๊คอัพ ไม่คืนตัว ที่เรียกว่า “โช๊คตาย” ถ้ามีอาการดังกล่าว นั่นแสดงว่าโช๊คอัพ เริ่มเสื่อมสภาพต้อง รีบซ่อมแซม

7.  ลองจับดูว่าโช๊คร้อนไหม

ปกติแล้วโช๊คอัพ รถยนต์เมื่อใช้งาน โช๊คอัพจะร้อน จากการทำงาน แต่ถ้าโช๊คอัพเสีย ไม่ทำงาน ก็จะไม่มีความร้อน ออกมาที่กระบอก โช๊คอัพ ลองเอามืออัง หรือค่อย ๆ แตะที่กระบอกโช๊ค ทั้งสี่ต้นหลังจาก ขับใช้งานรถดูว่า มีโช๊คอัพต้นไหน ที่ไม่มีความร้อนก็ สามารถรู้ได้ว่าโช๊คอัพ ต้นไหนที่เสีย

กลับสู่หน้าหลัก – savecyber

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า