ฝึกฝนเทคนิค forex ขั้นเทพ จากโบรกเกอร์ forex

 

โบรกเกอร์ forex มาทำความรู้จักกับ เทคนิค Forex ขั้นเทพ ที่หลายคนใฝ่ฝัน ว่าทำอย่างไรจึงจะได้ระบบเทพนี้ มาครอบครอง และวิธีการพัฒนา ตัวเองให้เป็นเทพ Forex และเมื่อนั้นอิสรภาพ ทั้งด้านเวลา เงิน ก็จะเป็นของคุณ ด้วยเคล็ดลับง่าย ๆ เทรดเดอร์ธรรมดา ๆ หรือเทรดเดอร์มือใหม่ ก็นำไปใช้ได้ อ่านจบบรรลุธรรม ในการเทรดทันที ถ้าพร้อมกันแล้วตามมาดูเลย

 

หลายๆ คนใฝ่ฝัน อยากจะมีทางลัดในการเทรด forex แต่รู้หรือไม่ว่า มันไม่มีอยู่จริง ตัวคุณต่างหาก ที่สามารถฝึกฝนหาความรู้จนมีความเชี่ยวชาญในการเทรดในตลาด forex ได้อย่างเทพ และสามารถเป็นจริงได้อย่างแน่นอน ด้วยการฝึกฝนการเทรดอย่างถูกวิธี มีวินัยสม่ำเสมอ คุณเองก็สามารถเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จ ร่ำรวย ในตลาดนี้ได้เช่นเดียวกัน โบรกเกอร์ forex

 

ระบบเทรด Forex ขั้นเทพ เป็นเพียงสิ่งที่หลายๆ คนคิดกันไปเองเท่านั้นว่า เทรดเดอร์เก่งๆ จะต้องมีระบบแบบนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้วระบบเทรด ก็เหมือนรถยนต์ดีๆคันหนึ่ง ถ้าผู้ที่ขับขี่ไม่เป็น ก็ไม่สามารถที่จะนำรถไปถึงยังปลายทางได้ แน่นอนการขับรถเป็นทักษะ ที่ใช้เวลาในการฝึก การเทรด Forex ก็เช่นกัน

 

เมื่อกระบี่อยู่ที่ใจ ระบบเทรด Forex ขั้นเทพ ก็เป็นเพียงแค่เครื่องมือธรรมดา ให้เทรดเดอร์ ที่มีฝีมือระดับเทพต่างหากใช้เทรดให้ได้กำไร ปั้นพอร์ต ให้เติบโต แล้วออกไปใช้ชีวิตตามที่ต้องการ

 

วิธีพัฒนาตัวเองให้เป็นเทรดเดอร์ขั้นเทพ

 

-เรียนรู้ จากการ อ่านหนังสือ แรกเริ่มของการเรียนรู้ ด้วยการหาหนังสือ เกี่ยวกับการเทรด มาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ ในการเทรด ในภาพรวมสักเล่มหนึ่ง จะเป็นเสมือนคู่มือ ที่ติดตัว ไว้สามารถเปิดค้นหาข้อมูล ได้ตลอดเวลาที่ต้องการ ตรงไหนไม่เข้าใจ ก็สามารถเปิดดูซ้ำ ๆ ได้ เพื่อที่จะได้มีความเข้าใจ ในเรื่องของตลาด Forex มากขึ้น

 

-เข้าอบรม หรือสัมมนา เป็นการหาประสบการณ์ใหม่ ๆ การเข้าอบรม หรือสัมมนา จากทางโบรกเกอร์จัดให้ จะทำให้ได้เปิดมุมมองใหม่ ๆ พบเพื่อนเทรดใหม่ ๆ มีโอกาสแลกเปลี่ยนแนวคิดหรือวิธีการเทรด สิ่งนี้จะทำให้พัฒนา และก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว

 

-ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าทฤษฎีใดก็ตาม จะต้องเรียนรู้ให้ถ่องแท้ และนำมาฝึกฝน ให้ชำนาญ อย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้จะทำให้เกิด ทักษะในการเทรด และเมื่อเกิดทักษะ ไม่ว่าอะไรก็ตาม จะเป็นเรื่องง่ายไปหมด เสมือนกับการขับรถ แรก ๆ ก็อาจจะต้องคิด แต่พอผ่านไปสักพัก ทุกอย่าง ก็จะเป็นไปอย่างอัตโนมัติ

 

-ปรับปรุง แก้ไขอยู่ตลอดเวลา จะต้องมีการวิเคราะห์ ปรับปรุง และเปลี่ยนแปลง ตามสถานการณ์ ถ้าเทคนิคไหน ใช้แล้วไม่เกิดผล ก็ควรที่จะหาทางปรับปรุง หรือพัฒนาให้เป็นระบบ เพราะสิ่งนี้จะทำให้เกิดการพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง

 

หาต้นแบบ ในการเทรด เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ มีอยู่มากมาย ลองเลือกต้นแบบขึ้นมา สักหนึ่งคน และให้ศึกษาวิธีคิด วิธีเทรดของคน ๆ นั้น จะทำให้สามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว และเมื่อถึงจุดหนึ่ง มีประสบการณ์มากพอ แล้วจึงค่อยพัฒนา ระบบเทรดของตัวเองขึ้นมา

 

เทรดเดอร์มือใหม่ คนหนึ่ง เริ่มต้นจากการ ถูกชักชวน จากเพื่อน และได้มีต้นแบบในการเทรดที่มีชื่อเสียง และพัฒนาฝึกฝน ทำตามต้นแบบ อย่างเคร่งครัด และมีการปรับปรุงพัฒนา ตัวเองอยู่ตลอดเวลา และไม่นานก็สามารถทำกำไร ในตลาดนี้ได้เป็นอย่างดี

 

การวิเคราะห์คือกุญแจสำคัญ

การวิเคราะห์ไม่ได้เป็นเพียงกุญแจสู่ความสำเร็จในการเทรดเท่านั้น แต่เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้การเทรด Forex ใช้งานได้จริง โดยมีการวิเคราะห์ตลาดหลักๆ 2 อย่าง คือการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิค

 

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน เป็นรูปแบบการตรวจสอบทางการเงินที่พัฒนาขึ้น เฉพาะในขนาดของประเทศหรือในระดับโลก จึงเป็นรูปแบบการคาดการณ์ราคาที่เก่าแก่ที่สุด ที่ใช้การดูองค์ประกอบต่างๆ ของเศรษฐกิจต่างๆ ในระยะปัจจุบันของวัฏจักร เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง การคาดการณ์ในอนาคต และผลกระทบที่เป็นไปได้ในตลาด และการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน มีจุดประสงค์เพื่อการลงทุนและการซื้อขายระยะยาว จึงเป็นการวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้องกับ GDP ของประเทศ อัตราการว่างงาน อัตราดอกเบี้ย ปริมาณการส่งออก สงคราม การเลือกตั้ง ภัยธรรมชาติ และความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ ซึ่งสิ่งที่ส่งผลต่ออุปสงค์และอุปทาน โดยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจำเป็นต้องมีความเข้าใจในเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ และจัดการกับปัจจัยต่างๆ ที่ตลาดยังไม่ได้คำนึงถึง

 

ข้อดีข้อเสียของการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน

โดยข้อเสียของการวิเคราะห์ประเภทนี้ คือ องค์ประกอบของความไม่แน่นอนที่ปัจจัยการผลิตจำนวนมากสร้างขึ้น และข้อดีของการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน คือ เมื่อดำเนินการอย่างถูกต้อง ก็สามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาพื้นฐานที่สามารถช่วยสร้างผลกำไรในช่วงเวลาที่ยาวนานได้

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

การวิเคราะห์ทางเทคนิค เป็นรูปแบบการวิเคราะห์ตลาดที่เล็กกว่า ซึ่งเกี่ยวข้องกับ 2 ตัวแปรเท่านั้น คือ เวลาและราคา ซึ่งสามารถวัดได้อย่างเคร่งครัด และเป็นข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ทั้งด้วยเหตุนี้สำหรับหลายๆ คน การเทรด Forex จึงสร้างโอกาสได้มากขึ้นในการวิเคราะห์กราฟแทนการวิเคราะห์จากข้อมูลทางเศรษฐกิจ

 

ซึ่งการวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการเทรดทั้งระยะสั้นและระยะยาว และเป็นสิ่งเดียวที่มีสำหรับการทำ Scalping อย่างนักเก็งกำไร ผู้ซึ่งทำกำไรจากความผันผวนรายวันแทนการเทรดตามเทรนด์

 

ข้อดีข้อเสียของการวิเคราะห์ทางเทคนิค

การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณอย่างแม่นยำตามตลาด มีข้อเสียคืออาจส่งผลกระทบต่อตลาดไปแล้ว ในการเชื่อถือผลลัพธ์ของการวิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่งมีแนวคิดที่ว่าการก่อตัวของราคาในอดีตอาจส่งผลต่อการก่อตัวของราคาในอนาคต โดยอาจเป็นเรื่องที่อาจดูไร้สาระสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน

 

โดยสรุปก็คือ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานคือนักสืบทางเศรษฐกิจที่มีอาศัยองค์ประกอบของการคาดการณ์ในอนาคต ในขณะที่การวิเคราะห์ทางเทคนิคคือการมองภาพรวมด้านราคา สถิติ และเวลาที่มองเห็นได้ 

 

 

savecyber.com

โบรกเกอร์ forex

ความแตกต่างของตลาด Forex ที่ต่างจากตลาดหุ้นอื่นๆ

 

ตลาด Forex มีปริมาณต่อวันมากกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์ ผู้ที่มีส่วนร่วมในตลาด Forex ประกอบด้วยธนาคารขนาดใหญ่ โบรกเกอร์ forex  กองทุนป้องกันความเสี่ยงและสถาบันการเงินอื่นๆ บริษัทระดับโลกและเทรดเดอร์รายย่อย ธุรกรรม Forex ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการแปลงสกุลเงินที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประจำวันของโลก ปริมาณต่อวันที่มีขนาดใหญ่ของตลาด Forex ให้โอกาสในการซื้อขายที่ไม่มีที่สิ้นสุดและให้เทรดเดอร์สามารถกระจายไปสู่ตลาดสกุลเงินต่างๆ ทั่วโลกได้

 

การลงทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศผ่านระบบอิเล็กทรอนิคได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และมีการพัฒนารูปแบบการเทรดออนไลน์แบบเรียลไทม์บนแพลตฟอร์มที่ทางบริษัทโบรกเกอร์ต่างๆ ได้จัดหาเตรียมไว้ให้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุน จึงทำให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงตลาดการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกได้โดยตรง แต่คำสั่งการซื้อ – ขายยังคงทำผ่านโบรกเกอร์อยู่

 

แพลตฟอร์มการซื้อขาย Forex ที่ดีนั้น ต้องมีความเรียบง่าย สะดวกต่อการใช้งานจริงและต้องมีการสนับสนุนและการช่วยเหลือที่ดีสำหรับลูกค้า ซึ่งหมายความว่าหากคุณกำลังประสบปัญหาในการลงทุน ทาง thaibrokerforex จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาให้คุณได้อย่างรวดเร็ว

 

ตลาด Forex ทำงานอย่างไร ?

 

เนื่องจากธุรกิจต่างๆ ยังคงขยายไปสู่ตลาดทั่วโลก การทําธุรกรรมในสกุลเงินของแต่ละประเทศจึงมีความจำเป็น ดังนั้นสกุลเงินจึงมีการเติบโตเพิ่มมากขึ้นและความผันผวนอย่างต่อเนื่องในค่าเงินทําให้ธุรกิจมีความเสี่ยง เมื่อซื้อสินค้าหรือบริการนอกพรมแดน

 

ตลาด Forex มีวิธีการลดความเสี่ยง โดยการกำหนดอัตราการทําธุรกรรมให้สามารถทําได้ในวันถัดไป นักลงทุนเก็งกําไรในตลาดเมื่อซื้อ – ขาย Forex โดยคาดหวังว่าสกุลเงินที่ซื้อ – ขายจะสูงขึ้นหรือลดลงในทิศทางที่ส่งผลให้เกิดกําไร ในการซื้อ – ขายนั้นมีผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน จึงเป็นสิ่งสําคัญที่คุณต้องทำการค้นคว้าหาความรู้ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นเทรด

 

ความแตกต่างของตลาด Forex และตลาด Cryptocurrency

 

ทั้ง 2 ตลาดเป็นตลาดสำหรับเทรดสกุลเงินที่สามารถทำธุรกรรมต่างๆ ผ่านอินเตอร์เน็ตได้เหมือนกัน แต่ทั้งสองตลาดไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันและต่างมีความโดดเด่นที่แตกต่างกัน ดังนี้

 

  • ตลาดทั้งสองยังคงมีความผันผวนอยู่ โดยสกุลเงินต่างประเทศจำนวนมากของตลาด Forex มีความผันผวนประมาณ 0.5 – 1% ในขณะที่เหรียญอันโด่งดังของตลาด Cryptocurrency อย่าง Bitcoin มีความผันผวนราวๆ 5 – 15% ความแตกต่างนี้ส่งผลให้แต่ละตลาดดึงดูดนักลงทุนหลากหลายประเภทเข้ามาได้
  • ค่าอุปทานหรือปริมาณความต้องการเสนอขายของตลาด Forex มีอยู่ไม่จำกัด เพราะตลาดนี้เป็นตลาดซื้อขายที่มีอยู่ทั่วโลกและปริมาณธนบัตรที่ใช้ในการเทรดก็มีอยู่ทุกที่และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ต่างจากตลาด Cryptocurrency ที่จำนวนเหรียญดิจิทัลสำหรับการเทรดถูกสร้างมาอย่างจำกัดทำให้ค่าของเหรียญและความต้องเป็นเจ้าของเหรียญเพิ่มขึ้น
  • สกุลเงินในตลาด Forex ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลส่วนกลางที่เป็นเจ้าของสกุลเงินประเทศนั้นๆ (แต่การเล่นเหล่านี้เป็นเพียงแค่การเก็งกำไรค่าเงิน ไม่ได้ถือว่าเป็นการถือเงินต่างสกุลแต่อย่างใด) ในขณะเดียวกันตลาด Cryptocurrency เป็นตลาดแบบกระจายอำนาจ หมายความว่าไม่มีหน่วยงานใดหรือบุคคลใดที่กำหนดทิศทางของตลาดได้และนักลงทุนก็มีสิทธิในกระเป๋าเงิน โดยปราศจากผู้ตรวจสอบเพราะตลาด Cryptocurrency ใช้กระบวนการตรวจสอบแบบ Peer-to-peer (การแลกเปลี่ยนกันโดยตรง)
  • อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินของตลาด Forex สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามลักษณะของผู้บริโภคในแต่ละประเทศและการซื้อขายระหว่างประเทศ ในทางกลับกันราคาของตลาด Cryptocurrency เกิดจากอุปสงค์และอุปทานในตลาด

 

ความแตกต่างระหว่างตลาดหุ้นและ Forex

 

ตลาดหุ้นและ Forex คือตลาดการซื้อ – ขายที่แตกต่างกันมากๆ โดยคนส่วนมากจะเข้าใจว่าการเทรดด้วยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานคือหุ้นและเทรดด้วยการวิเคราะห์ทางเทคนิคคือ Forex ซึ่งความจริงแล้วในบางครั้ง Forex อาจจะเทรดด้วยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานก็ได้หรือในบางครั้ง หุ้นอาจจะเทรดด้วยการวิเคราะห์ทางเทคนิคได้เช่นกัน ดังนั้นหุ้นและ Forex จึงแตกต่างกันที่รูปแบบการลงทุน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับวิธีการวิเคราะห์แต่อย่างใด แต่เราลองมาดูในเชิงลึกกันให้มากกว่านี้ถึงความแตกต่างระหว่างตลาดหุ้นและ Forex อย่างแท้จริงว่าเป็นอย่างไรบ้างดังนี้

 

  • ปริมาณการซื้อ – ขายที่มีความแตกต่างใหญ่มากอย่างหนึ่งคือ ขนาดของตลาด Forex ที่แท้จริง มีปริมาณการซื้อ – ขายประมาณ 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวัน ด้วยคู่สกุลเงินการซื้อขายที่ได้รับความสนใจอย่างมากซึ่งได้แก่ EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD และ AUD/USD โดยมีปริมาณการซื้อ – ขายปริมาณเงินดอลลาร์ที่มากกว่าปริมาณการซื้อ – ขายหุ้นของตลาดโลกที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 200 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวัน

 

  • สภาพคล่องของตลาดที่มีการซื้อ – ขายในปริมาณที่สูงมากนั้น โดยทั่วไปแล้วจะมีสภาพคล่องที่สูงเช่นกัน จึงนำไปสู่สเปรดที่แน่นขึ้นและลดต้นทุนการทำธุรกรรมอีกด้วย คู่สกุลเงินของ Forex โดยทั่วไปมักมีสเปรดที่ต่ำ รวมทั้งต้นทุนการทำธุรกรรมที่ต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับหุ้นและนี่คือหนึ่งในข้อได้เปรียบที่สำคัญของการเทรดระหว่างตลาด Forex และตลาดหุ้น

 

  • เวลาซื้อ – ขายของตลาด Forex เป็นตลาดประเภท OTC (Over the Counter) หมายความว่ามันไม่ได้ทำธุรกรรมการแลกเปลี่ยนแบบดั้งเดิม โดยจะเปิดให้ซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง และถูกอำนวยความสะดวกมากขึ้นผ่านตลาดระหว่างธนาคาร ซึ่งหมายความว่าสามารถทำการเทรดได้ทั่วทุกมุมโลกในระหว่างเวลาทำการของแต่ละประเทศและช่วงเวลาของการเทรด ดังนั้นเทรดเดอร์ Forex จึงสามารถเข้าถึงการเทรดได้อย่างสมจริง 24 ชั่วโมงต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ ในทางกลับกันดัชนีหุ้นสำคัญเทรดสามารถในเวลาที่ต่างกันและได้รับผลกระทบจากตัวแปรที่แตกต่างกัน

 

  • ระยะเวลาการซื้อ – ขายการเทรด Forex เหมาะกับนักลงทุนที่ชื่นชอบสไตล์การเทรดในระยะสั้นหรือปานกลางมากกว่า เนื่องจากตลาด Forex มีสภาพคล่องสูง การดำเนินคำสั่งรวดเร็วและการชำระราคา T+0 ขณะที่การซื้อขายหุ้นจะมีสภาพคล่องต่ำกว่าและการชำระราคา T+2 ทำให้การซื้อขายหุ้นจะเหมาะกับนักลงทุนที่ชื่นชอบสไตล์การลงทุนในระยะยาวมากกว่า

 

  • วิธีการทำกำไรการเทรด Forex สามารถเทรดได้ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ แต่การเทรดหุ้นจะสามารถทำกำไรได้ในกรณีที่ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียว

 

  • โอกาสในการขยายกำไรที่น่าดึงดุดใจที่สุดของการเทรด Forex ก็คือการเทรดด้วยเลเวอเรจและมาร์จิ้น ทำให้นักลงทุนมีโอกาสขยายขอบเขตการทำกำไรได้ด้วยเงินทุนน้อย ใช้เงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพให้มากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการเทรดหุ้นที่ต้องใช้เงินทุนเต็มจำนวนและไม่สามารถขยายกำไรได้ แต่การใช้เลเวอเรจก็มีข้อเสียด้วยเพราะเลเวอเรจเป็นดาบคมสองด้าน ในขณะที่สามารถขยายกำไรได้ก็สามารถขยายขาดทุนได้เช่นกันเมื่อกราฟไปในทิศทางที่ตรงกันข้าม

 

ลักษณะเด่นของตลาด Forex

 

  • เป็นตลาดเงินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เปิดทำการซื้อ – ขายตลอด 24 ชั่วโมง สามารถเทรดหรือทำกำไรตอนไหนก็ได้ ยกเว้นวันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดราชการ ซึ่งไม่มีใครสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของตลาดได้ แม้แต่ธนาคารกลาง ตลาดเทรดค่าเงินเป็นตลาดที่ใหญ่มาก นี่คือส่วนสำคัญที่ทำให้ Forex ต่างจากการเทรดหุ้นทั่วไป
  • มีความคล่องตัวสูงมากๆ เพราะมีการส่งคำสั่งซื้อ – ขายเร็วถึงระดับวินาทีและมีคนซื้อ – ขายจำนวนมากทำให้ปริมาณการซื้อ – ขายสูงมากเมื่อเทียบกับการลงทุนแบบอื่นๆ
  • สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลงในหนึ่งคู่สกุลเงิน นักลงทุนสามารถเปิดได้ทั้งสถานะซื้อ – ขาย โดยสามารถเปิดสถานะซื้อหากคาดการณ์ว่าราคาจะสูงขึ้นและเปิดสถานะขายหากคาดว่าราคาจะลดลง
  • มีความเสี่ยงสูงมากเพราะมีการผันผวนของราคาตลอดเวลาตามปัจจัยรอบข้าง ซึ่งก็เป็นโอกาสที่จะใช้ทำกำไรได้อย่างรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกันก็อาจจะขาดทุนได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน
  • ใช้เงินลงทุนต่ำ แต่สามารถทำกำไรได้สูงด้วย Leverage แต่ในทางตรงข้าม Leverage ก็ทำให้ขาดทุนได้สูงเช่นกัน ซึ่งต่างจากหุ้นที่จะทำกำไรได้เฉพาะตอนราคาขึ้นเท่านั้น
  • ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายค่อนข้างต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนประเภทอื่นๆ โดยจะมีการคิดค่าบริการจากส่วนต่างของ Spread และสกุลเงินไหนที่มีการลงทุนซื้อ – ขายมาก ค่า Spread ก็จะแคบไปด้วย
  • มีเครื่องมือในการช่วยเทรด Forex มากมาย เช่น โบรกเกอร์และโปรแกรมเทรดต่างๆ ที่จะช่วยทำให้การเทรดมีประสิทธิภาพและสามารถทำกำไรได้มากกว่าขาดทุน
  • ตลาดมีประสิทธิภาพสูงมากและยากต่อการปั่นราคาโดยบุคคลใดบุคคลหนึ่ง นั่นหมายความว่าราคาที่เกิดขึ้นเป็นราคาตลาดที่สะท้อนปัจจัยทั้งหมดที่ส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนในขณะนั้นแล้ว
  • เหมาะกับนักลงทุนที่ชื่นชอบสไตล์การเทรดในระยะสั้นหรือปานกลางมากกว่า เนื่องจากตลาด Forex มีสภาพคล่องสูงและมีการดำเนินคำสั่งที่รวดเร็ว
  • ปริมาณความต้องการเสนอขายของตลาด Forex มีอยู่ไม่จำกัด

 

จากบทความข้างต้นจะเห็นได้ว่า ลักษณะเด่นของตลาด Forex เป็นประโยชน์ให้กับนักลงทุนเป็นอย่างมากทำให้นักลงทุนทั่วโลกมั่นใจได้ว่าการลงทุนในตลาด Forex มีความน่าเชื่อถือและมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก แต่ถึงแม้จะมีลักษณะเด่นที่ดึงดูดใจให้เข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก ตัวนักลงทุนเองก็ควรที่จะศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ เกี่ยวกับตลาด Forex เพิ่มเติมและหมั่นพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาเพื่อที่จะได้นำความรู้ไปใช้ในการเลือกเทรดสกุลเงินในตลาด Forex ได้อย่างถูกต้อง ได้กำไรมากกว่าเสียและประสบความสำเร็จ

 

savecyber.com